Last updated: 18 ก.พ. 2567 | 650 จำนวนผู้เข้าชม |
การศัลยกรรมในยุคปัจจุบัน จะเน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่โอเวอร์ แต่เสริมจุดเด่น ปิดจุดด้อย ให้เหมาะสมกับรูปร่างและสัดส่วนของใบหน้า รอบคลุมทุกเพศทุกวัย ไม่แบ่งแยกความงามตามเพศหรืออายุ แต่เน้นความสวยงามที่เหมาะสมกับตัวเอง โดยการศัลยกรรมแบบผ่าตัดที่ได้รับค้นหามากที่สุด 5 อันดับ ในปี 2022 ได้แก่:
1. การดูดไขมัน: การดูดไขมันเป็นขั้นตอนการผ่าตัดที่จะขจัดไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณเฉพาะของร่างกาย เพื่อปรับปรุงรูปร่างและสัดส่วนของร่างกาย
2. การเสริมหน้าอก: การเสริมหน้าอกเป็นขั้นตอนการผ่าตัดเพื่อเพิ่มขนาดและรูปร่างของหน้าอกโดยใช้การปลูกถ่ายหรือการถ่ายโอนไขมัน
3. การผ่าตัดเสริมจมูก: การผ่าตัดเสริมจมูกหรือที่เรียกว่าการปรับรูปร่างจมูกเป็นขั้นตอนการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนรูปร่างหรือขนาดของจมูกด้วยเหตุผลด้านความงามหรือการใช้งาน
4 ดึงหน้า: ดึงหน้าหรือการผ่าตัด Rhytidectomy เป็นขั้นตอนการผ่าตัดเพื่อปรับปรุงสัญญาณแห่งวัยที่มองเห็นได้ในใบหน้าและลำคอ เช่น ผิวหนังหย่อนคล้อยและริ้วรอยลึก
5 Tummy Tuck: การดึงหน้าท้องหรือการผ่าตัดลดหน้าท้องเป็นขั้นตอนการผ่าตัดเพื่อเอาผิวหนังและไขมันส่วนเกินออกจากช่องท้อง และกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้อง
สิ่งที่ผู้ต้องการศัลยกรรม ควรคำนึงถึงมากที่สุด
- แผลภายนอกจากศัลยกรรมเป็นแผลสะอาดที่เกิดจากการผ่าตัดผ่านอวัยวะที่ไม่มีการอักเสบติดเชื้อ และไม่ผ่าตัดผ่านอวัยวะที่เป็นท่อ เช่น ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร แผลภายนอกจากศัลยกรรมจะหายได้เองตามธรรมชาติของร่างกาย โดยมีกระบวนการหายของแผลแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่มีการอักเสบ ระยะเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ระยะปรับสภาพ และระยะสมบูรณ์ ปกติแล้วแผลภายนอกจากศัลยกรรมจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวหลังผ่าตัดไปแล้วประมาณ 3-6 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับตำแหน่งของการผ่าตัด ความยาวของแผลผ่าตัด และความบอบช้ำหลังการผ่าตัด
- แผลภายในร่างกายที่เรามองไม่เห็นมักเป็นเรื่องที่น่ากลัวเนื่องจากไม่สามารถมองเห็นได้โดยตรงและอาจไม่รู้สึกถึงอาการเจ็บปวดได้ทันที การเจ็บป่วยที่เนื้อเยื่อภายในร่างกายถูกทำลายหรือเสียหายอาจทำให้เกิดแผลภายในที่สามารถทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงหรือทำให้ระบบร่างกายไม่ทำงานได้อย่างปกติ แผลที่ไม่สามารถมองเห็นอาจเป็นที่ติดเชื้อได้โดยไม่ทราบ เช่น การติดเชื้อที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินหายใจ, ทางเดินท่ออาหาร, หรือระบบประสาท
การดูแลบาดแผลภายนอก จากศัลยกรรม ต้องทำอย่างถูกวิธี และตามคำแนะนำของแพทย์ การทำความสะอาด การปิดแผล การใช้ยา การเปลี่ยนผ้าปิดแผล การหลีกเลี่ยงการแผลถูกกดทับ หรือถูกแดด การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น บุหรี่ หรือแอลกอฮอล์ และลดความเสี่ยงของการเกิดข้อเสียต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ทางผู้ศัลยกรรมสามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อรักษาบาดแผลแบบธรรมชาติบำบัด ควบคู่ไปด้วยเพื่อให้แผลภายในหายได้เร็วยิ่งขึ้น
“ว่านหางจระเข้” หรือ Aloe vera เป็นพืชสมุนไพรที่นำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างกับร่างกาย ทั้งภายในและภายนอก เช่น ในการรักษาแผลเพราะมีสารประกอบหลายชนิดที่ช่วยต้านการอักเสบ ต้านแบคทีเรีย ยับยั้งการผลิตฮีสตามีน และกระตุ้นเซลล์เนื้อเยื่อให้เจริญเติบโต
ว่านหางจระเข้สามารถใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลที่เกิดจากการฉายรังสี แผลธรรมดา และแผลเรื้อรังได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อบำรุงผิวหน้า ป้องกันผิวไหม้เพราะแดด แก้ไอ เจ็บคอ รักษามะเร็ง แก้พิษแมงกะพรุน และรักษาโรคตับและสมองผิดปกติได้ด้วย
คุณสมบัติของว่านหางจระเข้ที่ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น
1. สารสำคัญที่กระตุ้นเซลล์เนื้อเยื่อ : น้ำว่านหางจระเข้เป็นที่รู้จักด้วยการมีสารสำคัญอย่างโกโก้ซานิเทน, โอเมก้า 3, และวิตามิน E ที่มีบทบาทในการกระตุ้นเซลล์เนื้อเยื่อให้เจริญเติบโต. ซึ่งทำให้ผิวหนังดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี.
2. การฟื้นฟูแผลและการหายเร็ว: มีการศึกษาทางการแพทย์บอกให้เชื่อว่าน้ำว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ทางภูมิคุมที่สามารถช่วยลดเวลาในการฟื้นฟูแผลและทำให้แผลหายเร็วขึ้น. สารต่างๆ ที่พบในน้ำว่านหางจระเข้, เช่น พีพีโอไซและไฟโทสเตอรอน, มีส่วนช่วยในการกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อ.
3. สร้างกล้ามเนื้อและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน : น้ำว่านหางจระเข้มีโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย, ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน. การบริโภคน้ำว่านหางจระเข้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อหรือเพิ่มพลังในการทำกิจกรรมกายภาพ.
4. การลดการอักเสบและผลประโยชน์ทางการแพทย์ : มีงานวิจัยที่รายงานถึงความสามารถในการลดอาการอักเสบของน้ำว่านหางจระเข้, ทำให้เห็นถึงการใช้งานทางการแพทย์ที่มีความมั่นคง. การลดอาการอักเสบยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน.
5. การควบคุมความเครียด : น้ำว่านหางจระเข้ยังมีสารที่สามารถช่วยในการควบคุมความเครียด ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากในสังคมทุกวัน. สารที่พบในน้ำว่านหางจระเข้, เช่น แคลเซียมและแมกนีเซียม, มีบทบาทในการส่งผลกระตุ้นให้ร่างกายผ่อนคลาย
น้ำว่านหางจระเข้ แบรนด์เฮ็ลธ์ฟู้ดส์ เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ผ่านการปลูกแบบพิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปอกเปลือกไปจนถึงการบรรจุลงขวด เพื่อให้ได้น้ำว่านหางจระเข้ที่สดใหม่ อันแน่นด้วยคุณค่าของว่านหางจระเข้ ทั้งไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่สี ไม่ผสมน้ำผลไม้ ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัย และดีต่อสุขภาพ เสมือนได้ทานน้ำว่านหางจระเข้สดๆ จากธรรมชาติ
20 พ.ค. 2566
21 เม.ย 2566
17 มี.ค. 2566
30 พ.ค. 2566