การรักษาสมดุลลำไส้ อย่างยั่งยืน

การรักษาสมดุลลำไส้ อย่างยั่งยืน

-----------------------------

          “ลำไส้”  จัดได้ว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญมากในร่างกาย  เพราะนอกจากจะเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ดูดซึมและย่อยอาหารแล้ว  ลำไส้ยังมีเซลล์ประสาทที่ซับซ้อนจนถูกขนานนามว่าเป็น “สมองที่ 2 ของร่างกาย”  เมื่อลำไส้เกิดความผิดปกติหรือเสียสมดุลจึงส่งผลเสียต่อร่างกาย  ทำให้เกิดอาการผิดปกติทั้งทางร่างกายและจิตใจ  วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักความผิดปกติที่เกิดจากความไม่สมดุลของลำไส้  สาเหตุ  และการดูแลสุขภาพกันค่ะ

สัญญาณเตือนความผิดปกติของลำไส้

• ท้องอืด ท้องเฟ้อ  หากมีอาการท้องอืด  ท้องเฟ้อบ่อย  หรือมากกว่า 1 ครั้ง/สัปดาห์  อาจเกิดจากการย่อยอาหารที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ  เนื่องจากลำไส้มีความผิดปกติ
• ท้องผูกหรือท้องเสีย  หากเกิดอาการท้องผูกหรือท้องเสียบ่อย ๆ อาจมีความผิดปกติการเคลื่อนไหวของลำไส้  หรืออาจมีภาวะลำไส้แปรปรวนได้
• ปวดท้อง  หากมีอาการปวดท้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ  อาจเกิดจากการทำงานของลำไส้ที่เปลี่ยนแปลงไป  หรือหรืออาจมีแก๊สอยู่ในท้องมากเกินไป
• ภูมิคุ้มกันต่ำ ร่างกายไม่แข็งแรง เป็นหวัดบ่อย  ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบลำไส้ที่สมบูรณ์  หากลำไส้ขาดความสมดุลย่อมส่งผลให้ร่างกายของเรามีภูมิคุ้มกันต่ำลงตามไปด้วย
• อ่อนเพลีย เซื่องซึม ไม่กระฉับกระเฉง  อาการเหล่านี้อาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ  หรือทำงานหนักได้  แต่หากไม่ได้เกิดจากสาเหตุดังกล่าว  อยู่ดี ๆ ก็มีอาการอย่างไม่มีสาเหตุ  อาจเป็นสัญญาณว่าลำไส้กำลังมีความผิดปกติ

โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome; IBS)

เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของลำไส้ที่ผิดปกติ  ทำให้เกิดอาการปวดท้อง  แน่นท้อง  มีลม  หรือแก๊สในท้องมาก  ร่วมกับมีปัญหาด้านการขับถ่าย  โดยอาจเกิดอาการท้องผูกหรือท้องเสียมากผิดปกติก็ได้  โดยอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้

• ลำไส้บีบตัวผิดปกติ  เกิดจากการหลั่งสารหรือฮอร์โมนบางอย่างในผนังลำไส้ผิดปกติ  นำไปสู่อาการปวดท้อง  ท้องเสีย  หรือท้องผูก
• ระบบประสาทที่ผนังลำไส้ตอบสนองต่อสิ่งเร้าไวผิดปกติ  ทำให้การเคลื่อนตัวของลำไส้มากขึ้นผิดปกติ  เกิดการดูดซึมน้ำและสารอาหารไม่ทัน  จนเกิดอาการท้องเสียหรือท้องผูกได้ 

การรักษาโรคลำไส้แปรปรวน

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร  โดยรับประทานอาหารที่มีกากใย  หลีกเลี่ยงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น  ถั่ว  นมจากสัตว์  ผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลี  อาหารแปรรูป  เป็นต้น  เพื่อลดการเกิดแก๊สในท้อง  และบรรเทาอาการท้องอืด
2. ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ
3. รับประทานพรีไบโอติกส์และโพรไบโอติกส์เพิ่ม  เพื่อช่วยปรับสมดุลของลำไส้
4. หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์

โรคลำไส้อุดตัน (Intestinal Obstruction)

          เป็นภาวะที่ลำไส้มีการอุดตันหรือมีการบีบตัวผิดปกติ  ทำให้เกิดอาการปวดท้องรุนแรงบริเวณใต้สะดือ  ท้องอืด  แน่นท้อง  คลื่นไส้  และอาเจียน  เป็นต้น  โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้จาก 2 สาเหตุ  โดยอาจเกิดจากมีบางสิ่งไปอุดตันทางเดินของลำไส้  หรือลำไส้เกิดการทำงานผิดปกติ  ทำให้ไม่สามารถบีบตัวหรือเคลื่อนไหวได้ (ลำไส้อืด)

การรักษาโรคลำไส้อุดตัน

1. การรักษาภาวะลำไส้อืดควรรับประทานไฟเบอร์ที่ช่วยปรับสมดุล  หรือใช้ยาช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
2. การรักษาลำไส้อุดตันบางส่วน  แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานอาหารเหลว  และอาหารที่มีกากใยน้อย เช่น  เนื้อแดงปรุงสุก  ปลา  ไข่  ผักกาดหอม  กล้วยสุก  เป็นต้น
3. หากอาการไม่ดีขึ้นอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมด้วย

โรคลำไส้รั่ว (Microvilli)

เป็นภาวะที่เยื่อบุผนังลำไส้เกิดการทำงานผิดปกติ  ทำให้สารพิษหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ  สามารถผ่านเข้าสู่กระแสเลือดได้  ร่างกายจึงกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานหนักขึ้น  เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย  ทำให้เกิดอาการของโรคลำไส้รั่ว  ได้แก่  ท้องอืด  อาหารไม่ย่อย  อ่อนเพลีย  ปวดตามข้อและกระดูก
    สาเหตุโรคลำไส้รั่ว  มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่ ความเครียด  การพักผ่อนไม่เพียงพอ  การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภทนม และน้ำตาลมากเกินไป  การสูบบุหรี่  และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

การรักษาโรคลำไส้รั่ว

1. ควรลดอาหารประเภทแป้ง  และน้ำตาลขัดขาว
2. รับประทานผัก  และผลไม้มากขึ้น
3. ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ
4. หลีกเลี่ยงความเครียด
5. รับประทานจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้

“ I-BERRY FIBER ” 

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีประโยชน์สูงสุดต่อลำไส้ โดยมีส่วนประกอบของพรีไบโอติกส์หรืออาหารของจุลินทรีย์ตัวดี   (Fructooligosaccharide,  และ  Psyllium husk powder)   ช่วยให้ร่างกายได้ประโยชน์สูง   สร้างสมดุลลำไส้  ถ่ายคล่อง  ลดอาการท้องผูก  ขับสารพิษตกค้างในลำไส้  ลดปัญหาการเกิดความผิดปกติของทางเดินอาหาร  และมีสุขภาพโดยรวมดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ  การสร้างสมดุลของลำไส้อย่างยั่งยืนด้วยการรับประทานโพรไบโอติกส์ร่วมกับพรีไบโอติก  จึงเป็นอีกวิธีที่จะทำให้ร่างกายและระบบทางเดินอาหารของทุกคนแข็งแรง