ความขาวใสไร้ริ้วรอยของใบหน้านั้นจัดเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชาย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุไหน อีกทั้งเนื่องด้วยเมืองไทยของเราเป็นเมืองที่มีอากาศร้อนและแสงแดดที่แผดเผาไม่ปราณีผิวพรรณทำให้คนไทยส่วนใหญ่นอกจากจะมีสีผิวที่คล้ำแล้วยังประสบปัญหาผิวต่างๆ เช่น ฝ้า กระ และจุดด่างดำ อันเป็นเหตุให้ต้องรีบแก้ไขและทำการรักษาโดยเฉพาะในกลุ่มของผู้หญิงอย่างเราๆ จุดด่างพร้อยบนใบหน้าถือเป็นสิ่งที่ต้องกำจัดออกไปโดยเร็ว
ปัจจุบันมีผู้ผลิตเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวขาวออกวางจำหน่ายในท้องตลาดมากมาย ซึ่งเรารู้จักกันในนาม ครีมหน้าขาว (Whitening Products) ครีมหน้าขาวนี้จัดเป็นผลิตภัณฑ์ยอดฮิตในบรรดาสุภาพสตรี เพราะเห็นผลเร็ว ผิวขาวเนียนใสจริง แต่ภายในระยะเวลาอันสั้น ความขาวใสนี้ จะถูกแทนที่ด้วยอาการข้างเคียง คือ รอยไหม้ดำที่ค่อยๆแผ่วงกว้าง รอยแดง ผื่นแพ้ หน้าบาง ติดเชื้อง่าย ซึ่งใช้เวลาในการรักษานานและในบางรายอาจเป็นถาวร
เมื่อผู้บริโภคถูกเอาเปรียบและได้รับผลกระทบจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ อย.จึงเข้ามามีบทบาทในการสืบสวนหาสาเหตุ และได้ประกาศ รายชื่อสารต้องห้ามใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง อันได้แก่ สารปรอท สารไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์ และกรดเรติโนอิก เป็นต้น
สารต้องห้ามใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง
สารปรอท การออกฤทธิ์ให้ผิวหน้าขาว ทำให้มีการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ลดลง จึงช่วยให้สีผิวขาวขึ้น นอกจากนี้ปรอทยัง มี ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ชนิด staphylococcus จึงป้องกันสิวได้ด้วย
ผลข้างเคียง
จากการใช้สารประกอบของปรอททำให้เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ เกิดฝ้าถาวร ผิวบางลง
ไฮโดรควิโนน ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งกระบวนการทางเคมีของเซลล์สร้างเม็ดสีผิว จึงส่งผลให้ผิวขาวขึ้นได้ จากกลไกนี้ทำให้ยาไฮโดรควิโนนถูกนำมาใช้เป็นยาทารักษาผิวที่เป็นฝ้า กระ และจุดด่างดำ ไฮโดรควิโนนจัดเป็นยาทาภายนอกใช้เพื่อการรักษาและได้ถูกสั่งห้ามใส่ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่วางจำหน่ายทั่วไป
ผลข้างเคียงจากการใช้
เครื่องสำอางที่มีสารไฮโดรควิโนนเกินขนาด อาการแสบร้อน ตุ่มแดง และภาวะผิวคล้ำมากขึ้นในบริเวณที่ทา หากใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวร เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง
สเตียรอยด์ สเตียรอยด์เป็นสารที่ห้ามใส่ในเครื่องสำอาง ออกฤทธิ์ให้ผิวหน้าขาว ทำให้ปริมาณเม็ดสีลดลงส่งผลให้ผิวขาวขึ้น
ผลข้างเคียงจากการใช้
การใช้ยาทาเสตียรอยด์ในความเข้มข้นสูง ใช้ผิดวิธี และ ใช้เป็นระยะเวลานานต่อเนื่องอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงทั้งภายนอกและภายในร่างกาย เช่น ผดผื่นขึ้นง่าย ผิวหน้าบาง ทำให้มลภาวะสารพิษจากภายนอกเข้าสู่ผิวหนังชั้นแท้ได้ง่ายขึ้น และเห็นเส้นเลือดแดงตามใบหน้าชัดขึ้น
กรดเรติโนอิก ออกฤทธิ์ให้ผิวหน้าขาว เร่งการผลัดเซลล์ของผิวในชั้นกำพร้า มีฤทธิ์เป็นกรด
ผลข้างเคียงจากการใช้
กรดเรติโนอิก อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ผิวหน้าลอก อักเสบ แพ้แสงแดดได้ง่าย อาจเกิดภาวะผิวด่างขาวหรือผิวคล้ำได้ชั่วคราวและอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์
สรุปคือ ในส่วนของสารไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์ และเรตินอยด์ นั้นจัดเป็นยาที่มีประโยชน์ในการรักษา สามารถใช้ได้ภายใต้การดูแลและควบคุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือซื้อได้ตามร้านขายยาที่มีเภสัชกรประจำร้าน สามารถให้คำแนะนำการใช้ยาอย่างถูกวิธีได้ สารทั้งสามนี้ห้ามนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางตามที่กระทรวงสาธารณะสุขประกาศดังนั้นหากพบเครื่องสำอางที่มีสารเหล่านี้รวมถึงปรอทเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายก็รู้ได้เลยว่าเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียน ผิดกฎหมาย ไม่ควรซื้อมาใช้เด็ดขาด
ที่มาจาก โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
หากคุณกำลังมองหาเครื่องสำอางบำรุงผิวที่ไม่มีสารต้องห้าม ไม่ต้องเสี่ยงกับการหน้าลอก หน้าพัง หน้าเป็นฝ้าถาวรแบบกู่ไม่กลับ เราแนะนำผลิตภัณฑ์ Moisture Boost (มอยเจอร์บูส) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยลดริ้วรอยต่างๆบนใบหน้า บำรุงและฟื้นฟูเซลล์ผิว ให้หน้าใส ไร้ริ้วรอย ได้เป็นอย่างดี Moisture Boost (มอยเจอร์บูส) มีส่วนผสมที่มาจากสารสกัดธรรมชาติ ถูกออกแบบมาใช้ได้ทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว หรือผิวมันที่ช่วยกระชับรูขุมขนให้กับผิว อยากสุขภาพผิวหน้าดีไม่มีสารต้องห้าม แนะนำ Moisture Boost (มอยเจอร์บูส) เท่านั้นค่ะ